ภาษาอังกฤษ

Fit check eiei เทรนด์ดังใน tiktok คืออะไร

Fit check eiei เทรนด์ดังใน tiktok คืออะไร

ในช่วงที่ผ่านมาใครเล่น tiktok อย่างน้อยก็ต้องเจอ “คลิป Fit check fit check eiei” อย่างน้อย 1 คลิป แน่นอน แล้วรู้หรือเปล่า? คำว่า fit check คืออะไร แล้วเกี่ยวอะไรกับการพูดถึงแบรนด์ของเสื้อผ้า หรือการแต่งกายของเรา วันนี้ พวกเรา fellowie จะมาเล่าให้ฟัง…Fit check คืออะไร? Fit check ถ้าแปลตรงตัว ทุกคนอาจจะงงได้ เพราะ fit แปลว่า พอดี,เหมาะสม ส่วน check แปลว่า ตรวจสอบ พอรวมกันจะแปลว่า “การตรวจสอบที่พอดี” ซึ่งดูแปลก และไม่น่าเกี่ยวกับ เสื้อผ้า หรือการแต่งกายของเราเลย Fit check แปลว่าอะไร?  ความจริงแล้ว fit check เป็นคำศัพท์แสลงภาษาอังกฤษ โดย fit มาจาก Outfit (เสื้อผ้า, เครื่องแต่งกาย) และ fit check มาจาก “Check Out My Outfit” หรือ “checking my outfit”  แปลว่า เช็คการแต่งกายของ(ฉัน) นั่นเอง  Synonym ของ outfit คืออะไร? synonym (คำพ้องความหมาย) ของคำว่า outfit (เครื่องแต่งกาย, ชุดแต่งกาย) คือarray apparel attire clothes clothing costume dress ensemble furnishings garb garment getup guise habit kit livery regalia regimentals rigging suit togs uniform wardrobe ตัวอย่างประโยคที่ใช้คำว่า fitcheck (ส่วนใหญ่จะเป็นประโยคพูดมากกว่า เนื่องจาก fitcheck เป็นคำแสลง ) Give me a fit check.ให้ฉันดูแลเรื่องการแต่งกายให้นะfit check for today.เช็คการแต่งกายให้ดีสำหรับวันนี้fit check for the party tonight.เช็คการแต่งกายให้ดีสำหรับงานปาร์ตี้คืนนี้ลองมาสำรวจตัวเองกันหน่อย สิ่งเหล่านี้ คือ ความต้องการ หรือสิ่งที่คุณอยากจะพัฒนาหรือเปล่า❓เข้าใจคำศัพท์ หรือความหมายภาษาอังกฤษมากขึ้น❓แปลภาษาอังกฤษได้เก่ง ทั้งฟังพูด อ่าน และเขียน❓มีเทคนิคดีๆที่ช่วยให้พูดภาษาอังกฤษได้เก่งขึ้นสามารถมาพูดคุย ปรึกษา หรือเรียนรู้เพิ่มเติมกับ 👉 ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ตลอด 24 ชั่วโมง ที่แอป fellowiefellowie แอปเรียนออนไลน์ตัวต่อตัวกับติวเตอร์ที่เหมาะกับคุณ❌ไม่ผูกมัด❌ไม่ผ่านนายหน้า❌รู้จักติวเตอร์ตั้งแต่ก่อนเรียน❌ปลอดภัย ไม่โดนโกง 100%✅ จ่ายเงินเป็นรายครั้ง✅ เลือกเวลาเรียนได้เองตลอด 24 ชั่วโมง

ภาษาอังกฤษ

·

โพสต์เมื่อ 26 มีนาคม 2565

12 คำศัพท์ ช่วยเปลี่ยน essay ธรรมดา ให้ดูดีขึ้น สำหรับคนฝึกเขียน

12 คำศัพท์ ช่วยเปลี่ยน essay ธรรมดา ให้ดูดีขึ้น สำหรับคนฝึกเขียน

ในบทความนี้จะพูดถึง “คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ความหมายดีๆที่จะมาช่วยเพิ่มความสวยงาม ความสละสลวย และเพิ่มลูกเล่นให้การเขียน essay ภาษาอังกฤษ น่าสนใจมากขึ้น โดยจะเน้นไปที่ความหมาย และลักษณะการใช้งาน  การเขียน essay คือ การเขียนเรียงความ หรือบทความเป็นภาษาอังกฤษ โดยในปัจจุบันเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากการสอบวัดระดับ หรือการขอทุนบางอย่างต้องใช้เป็นเกณฑ์ด้วย เช่น IELTS writing เป็นต้น สำหรับบางค การเขียนบทความภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ยาก เพราะนึกคำที่จะเขียนไม่ออก ถ้าให้ใช้รูปแบบประโยคเดิมๆ essay ก็จะไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แล้วยิ่งถ้าไม่รู้คำศัพท์นั้น ก็ต้องเขียนอธิบายเยอะๆ จน essay นั้นยาว แต่มีใจความสำคัญนิดเดียว สิ่งที่ทุกคนจะได้จากการอ่านบทความนี้ คือ ได้คำศัพท์ที่สามารถนำไปเขียน essay จริง ทั้งฟมด 12 คำ ที่พวกเรา fellowie ตั้งใจรวบรวมมาให้ พร้อมทุกบอกความหมาย และวิธีการใช้งาน และตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ และคำแปล เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพการใช้งานคำศัพท์ และสามารถนำไปใช้เขียน essay ภาษาอังกฤษได้เลย   เมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว อย่าลืม!! ฝึกเขียน essay และนำคำศัพท์เหล่านี้ไปใช้ด้วยนะ เพื่อให้เกิดความเคยชิน และป้องกันการลืมคำศัพท์ Moreoverแปลว่า : ยิ่งไปกว่านั้น, มากไปกว่านั้นการใช้งาน : มีความหมายไปในทิศทางบวก เป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือสนับสนุนประโยคก่อนหน้าExample : That apartment looked good. Moreover, the rent is reasonable. ความหมาย : อพาร์ทเม้นหลังนั้นดูดีมากเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นค่าเช่ามันเหมาะสมมากLikewiseแปลว่า : ในทำนองเดียวกัน, เช่นเดียวกันการใช้งาน : มีความหมายไปในทิศทางบวก เป็นการเสริมความคิดเห็นที่มีความหมายไปในทิศทางเดียวกับสิ่งที่พูดไปก่อนหน้าExample : Albert Einstein is one of the greatest German physicists of all time. Likewise, Isaac Newton is one of the greatest English physicists of all time. ความหมาย : Albert Einstein คือหนึ่งในนักฟิสิกส์ชาวเยอรมันนีที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล เช่นเดียวกับ Isaac Newton ก็เป็นหนึ่งในนักนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลเหมือนกันin comparison withแปลว่า : เมื่อเปรียบเทียบกับ การใช้งาน : มีความหมายไปในทิศทางตรงกันข้าม มักใช้เปรียบเทียบของสองสิ่งที่มีความแตกต่างกัน เพื่อแสดงให้ความขัดแย้งExample : The cost of living in Thailand is relatively low in comparison with England.ความหมาย : ค่าครองชีพในประเทศไทยค่อยข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอังกฤษAbove allแปลว่า : ที่สำคัญที่สุด, เหนือสิ่งอื่นใด, โดยเฉพาะการใช้งาน : เป็นการเน้นว่า ส่วนนี้หรือประโยคต่อไปเป็นส่วนที่สำคัญมีมากกว่าส่วนอื่นๆเป็นพิเศษExample : Above all, wildlife conservation should be protected from hunters.ความหมาย : เหนือสิ่งอื่นใดสัตว์สงวนควรได้รับการปกป้องจาการล่าอย่างมากThe reason why + … + is that + …แปลว่า : เหตุผลที่…. ก็คือ….การใช้งาน : ใช้สำหรับบอกความเป็นเหตุและผลกันของประโยคExample : The reason why I want to write this essay is that I’m interested in government policy.ความหมาย : เหตุผลที่ฉันอยากเขียนบทความนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าฉันสนใจในเรื่องนโยบายของรัฐบาลFor instanceแปลว่า : เช่น, ตัวอย่างเช่นการใช้งาน : ใช้สำหรับการยกตัวอย่าง จากแประโยคหรือสิ่งที่พูดก่อนหน้าExample : Europe has 44 countries. For instance, Germany, the UK and Italy.ความหมาย : ทวีปยุโรปมี 44 ประเทศ เช่น ประเทศเยอรมัน, สหราชอาณาจักร และอิตาลี เป็นต้นIn order toแปลว่า : เพื่อที่จะ, เพื่อการใช้งาน : ใช้สำหรับบอกจุดประสงค์ หรือวัตุประสงค์? โดย In order to ต้องตามด้วย V.infinitive เท่านั้นExample : The governments agreed to stop the war in order to safe their residents.ความหมาย : รัฐบาลเห็นด้วยกับการยุติสงครามเพื่อความปลอดภัยของประชาชนDespiteแปลว่า : ถึงอย่างไรก็ตาม, จะอย่างไรก็ตาม, ถึง…..แต่, แม้ว่าการใช้งาน : ใช้สำหรับการบอกความเป็นเหตุผลที่ขัดแย้งกัน ซึ่งต้องตามหลังด้วยคำนาม นามวลี หรือคำสรรพนามเท่านั้นExample : Despite many problems, I was able to finish this essay.ความหมาย : แม้ว่าจะมีปัญหามากมาย ฉันก็สามารถทำบทความนี้จนเสร็จได้Obviously แปลว่า : อย่างชัดเจน, อย่างเห็นได้ชัดการใช้งาน : ใช้สำหรับเน้นถึงประเด็นสำคัญ สาระสำคัญ หรือใจความสำคัญExample : Obviously, The success of your business mainly comes from its exponential sale.ความหมาย : เห็นได้ชัดเจนว่า ความสำเร็จของธุรกิจของคุณส่วนใหญ่มาจากยอดขายที่ก้าวกระโดดIn other wordsแปลว่า : อีกนัยหนึ่ง, พูดอีกอย่างคือ, พูดง่ายๆ คือการใช้งาน : เพื่อขยายความ หรืออธิบายให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นExample : In other words, the family is the basis of a good society.ความหมาย : พูดอีกอย่างคือ ครอบครัวเป็นพื้นฐานของสังคมที่ดี Significantlyแปลว่า : อย่างมีความสำคัญ, อย่างจำเป็น, อย่างมีนัยสำคัญการใช้งาน : ใช้สำหรับเน้นถึงประเด็นสำคัญ หรืออธิบายผลจากการทดสอบทางสถิติExample : In 2021, the average monthly household expenditure is significantly lower for Samut Prakan than for Pathumthani.ความหมาย : ในปี 2021 รายจ่ายของครัวเรือนในจังหวัดสมุทปราการต่ำกว่าจังหวัดปทุมธานีอย่างมีนัยสำคัญContrary toแปลว่า : ในทางตรงกันข้าม, ในทางกลับกัน, ขัดต่อกันการใช้งาน : ใช้เพื่อบอกถึงส่งที่ขัดแย้งกัน หรือเพื่อปฏิเสธข้อมูลExample : Contrary to expectations, his stock didn’t rise. So he’s been very disappointed.ความหมาย : หุ้นไม่ได้ขึ้นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากคุณกำลังต้องการสิ่งเหล่านี้อยู่หรือไม่?💡อยากรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สำหรับการเขียน essay เพิ่ม💡อยากรู้ grammar เพื่อใช้เขียน essay ให้ถูกต้อง👩🏻‍💼ต้องการผู้ช่วยในการเขียน essay✅ต้องการที่ปรึกษา และผู้ช่วยตรวจเช็คความถูกต้องในการเขียน essay สามารถมาปรึกษา หรือเสริมคำศัพท์ เสริมความรู้กับติวเตอร์บน fellowie ได้ที่ 👉 ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ (***แค่ 1 ชั่วโมงก็ปรึกษาได้***)fellowie แอปเรียนออนไลน์ตัวต่อตัวกับติวเตอร์ที่เหมาะกับคุณ📌 แหล่งรวมติวเตอร์มากมาย หลากหลายสไตล์❌ ไม่ผูกมัด จ่ายเงินเป็นรายครั้ง ❌ ไม่ผ่านนายหน้า✅ ปลอดภัย ไม่โดนโกง 100%✅ ติวเตอร์ทุกคนผ่านการยืนยันตัวตน👩‍🏫 รู้จักโปรไฟล์ & สไตล์การสอน ของติวเตอร์ตั้งแต่ก่อนเรียน🕐 เลือกเวลาเรียนได้เอง ⚖️ ราคายุติธรรม เป็นกลาง

ภาษาอังกฤษ

·

โพสต์เมื่อ 26 มีนาคม 2565

รวม 7 โครงสร้างประโยคสำหรับคนพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง เอาไว้ใช้พรีเซนต์งาน

รวม 7 โครงสร้างประโยคสำหรับคนพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง เอาไว้ใช้พรีเซนต์งาน

การพรีเซนต์งานเป็นภาษาอังกฤษ คงทำให้ใครหลายๆคนเป็นกังวลได้ เพราะความตื่นเต้น ความกลัวพูดผิด กลัว Grammar ผิด จนไม่ชอบการที่ต้องออกพรีเซนต์งานเป็นภาษาอังกฤษ หน้าห้องเป็นอย่างมากแต่ในบทความนี้ พวกเรา fellowie ได้รวบรวมโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อเอาไว้ใช้ พรีเซนต์งานมาให้แล้ว รับรองใช้ประโยคภาษาอังกฤษเหล่านี้ จะไม่ผิด Grammar สื่อสารความหมายได้ถูกต้อง และพูดไม่ติดขัดแน่นอน1. อยากเปิดด้วยการทักทาย และแนะนำตัวเอง ต้องพูดว่าการทักทายแบบทางการ Good (morning ,afternoon ,evening) everyone. My name is…สวัสดี(ยามเช้า, ตอนบ่าย, ตอนดเย็น) ทุกท่าน ดิฉัน/ผม ...Hello everyone. It's a pleasure to have you with me in this presentation today. I’m...สวัสดีค่ะ/ครับ ยินดีมากที่คุณอยู่ในการนำเสนอของฉันวันนี้ ฉัน…การทักทายแบบไม่ทางการHi, I’m… สวัสดีค่ะ/ครับ ดิฉัน/ผม... Hello there, you can call me…สวัสดีค่ะ/ครับ คุณสามารถเรียกฉันว่า…Nice to meet you here. I’m… ยินดีที่ได้พบคุณที่นี่ ดิฉัน/ผมชื่อ…2. อย่าลืม!! แนะนำเพื่อนร่วมกลุ่มด้วยI would like to introduce my colleague…ดิฉัน/ผม ขอแนะนำเพื่อนร่วมงานคือ…This is my team. His/Her name is…นี้คือกลุ่มของผม เขา/เธอ ชื่อว่า…I want to introduce my friend… ผมอยากจะแนะนำ… เพื่อนของผมให้รู้จักThis is…นี้คือ…3. พูดเกริ่นนำ เพื่อดึงดูดความสนใจ และให้ผู้ฟังรู้ว่าวันนี้เราจะนำเสนออะไรToday, I would like to talk about… วันนี้ ดิฉัน/ผมจะมาพูดเกี่ยวกับ…In my presentation today I’m going to explain…ในการนำเสนอของดิฉัน/ผมวันนี้ จะอธิบายเกี่ยวกับ…I’ll begin by looking at… Then, I’ll move on to… Towards the end I'll…ดิฉัน/ผมจะเริ่มจาก… แล้วต่อไปที่… ในตอนท้ายดิฉัน/ผมจะ…Today’s presentation will be / focus on...เรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้.... /การนำเสนอในวันนี้จะมุ่งเน้นไปที่…During the next 20 minutes I'll talk about...ตลอดเวลา 20 นาทีต่อจากนี้ ดิฉัน/ผมจะพูดถึง…4. อยากพูดเปลี่ยนหัวข้อให้ลื่นไหล ไม่ติดขัด ต้องพูดยังไง?I’ve finished the first part and been moving to the next one. ส่วนแรกจบไปแล้ว มาเริ่มที่ส่วนต่อไปกันเลยNow, we are moving to a new topic. ตอนนี้เรากำลังจะเข้าสู่เรื่องต่อไปLet’s go to the next point. ไปต่อกันที่หัวข้อถัดไปกันดีกว่าLet’s move on to…ไปต่อกันที่… กันดีกว่าTurning our attention now to… ตอนนี้เรามาดูที่เรื่อง… กันบ้าง5. ก่อนจบการนำเสนอ อย่าลืม!! สรุปภาพรวมด้วย เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจมากยิ่งขึ้นIn conclusion, this is a quick recap of my main points…โดยสรุปสั้นๆแล้ว นี้คือประเด็นหลักของเรื่องนี้…Before I leave the stage, I'd like to recap the main points...ก่อนจบการนำเสนอนี้ ดิฉัน/ผมต้องการจะสรุปประเด็นหลักๆ คือ…To sum up…สรุปคือ...Just a quick recap of my main points… สรุปอย่างสั้นๆเกี่ยวกับประเด็นใหญ่ๆ ที่ดิฉัน/ผม พูดคือ....So, to summarize … ดังนั้น สรุปก็คือ…6. เปิดโอกาสให้ถามสิ่งที่สงสัย เพื่อไม่ให้ผู้ฟังรู้สึกติดค้างกับการนำเสนอนี้Does anyone have any questions? มีใครมีคำถามอะไรไหมครับ/ค่ะI will be happy to answer your questions now ดิฉัน/ผม รู้สึกมีความสุขมากที่จะได้ตอบคำถามของคุณในตอนนี้If you have any questions, please don’t hesitate to ask ถ้าใครมีข้อสงสัย กรุณาอย่าลังเลที่จะถามPlease feel free to interrupt me if you have questions.หากใครมีคำถามสามารถถามได้ทันที ไม่ต้องเกรงใจครับ/ค่ะIf anyone has any questions, I’ll be pleased to answer them.หากใครมีคำถามอะไร ถามได้เลยนะคะ ยินดีตอบค่ะ7. คำกล่าวจบ เท่ๆ สวยๆ ช่วยให้รู้สึก professional มากขึ้นThank you for listening / for your attention ขอบคุณสำหรับการรับฟังการนำเสนอ/ขอบคุณที่ให้ความสนใจThat brings me to the end of my presentation. Thank you for listening.ขอจบการนำเสนอเพียงเท่านี้  ขอบคุณสำหรับการรับฟังการนำเสนอThat brings the presentation to the end. Thank you for your attention.การนำเสนอจบแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจฟังกันนะคะWell that’s it from me, Thank you for your attention.นั่นคือทั้งหมดจากฉัน ขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจฟังกันนะคะไม่มีความมั่นใจในการ present งานเป็นภาษาอังกฤษ, การพูดภาษาอังกฤษ หรืออยากได้ผู้ช่วยในการฟังเวลาเรา Present งาน พร้อมให้คำแนะนำที่ถูกต้อง สามารถมาพูดคุย ปรึกษา หรือเรียนรู้เพิ่มเติมกับ 👉 ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ตลอด 24 ชั่วโมง ที่แอป fellowiefellowie แอปเรียนออนไลน์ตัวต่อตัวกับติวเตอร์ที่เหมาะกับคุณ❌ไม่ผูกมัด❌ไม่ผ่านนายหน้า❌รู้จักติวเตอร์ตั้งแต่ก่อนเรียน❌ปลอดภัย ไม่โดนโกง 100%✅ จ่ายเงินเป็นรายครั้ง✅ เลือกเวลาเรียนได้เองตลอด 24 ชั่วโมง

ภาษาอังกฤษ

·

โพสต์เมื่อ 26 มีนาคม 2565

he's a 10 but หรือ she's a 10 but คืออะไร และมันแปลว่าอะไร

he's a 10 but หรือ she's a 10 but คืออะไร และมันแปลว่าอะไร

สตอรี่ Instagram (IG) ใครหลายๆคนในช่วงนี้ คงเห็น “Add yours” หรือ “ชวนคุย” ของเพื่อนๆ ที่เล่น “She is a 10 but…. หรือ He is a 10 but ….” เต็มไปหมด แล้วรู้หรือเปล่าว่า มันแปลว่าอะไร **ใครคิดจะเอาไปเล่นตาม ต้องอ่านบทความนี้ ไม่งั้นจะไม่รู้ความหมาย และเล่นผิดกันนะ”a 10 แปลว่าอะไร?a 10 เป็นคำศัพท์สแลงในภาษาอังกฤษ แปลว่า สุดยอด ดีเลิศ ยอดเยี่ยม มีความหมายโดยนัย คือเหมือนเป็นการให้คะแนน ประมาณว่า “เอาคะแนนเต็ม 10 ไปเลย”She is a 10 but … หรือ He is a 10 but ... แปลว่าอะไร?แต่สำนวน “She is a 10 but … หรือ He is a 10 but …” ต่างกันโดยสิ้นเชิง จะแปลว่า เขา/เธอ หน่ะ ตรงสเปค หรือดูดีมากเลยนะ (แบบคนนี้ให้คะแนนเต็ม 10 ไปเลย) แต่…. (มีความหมายไปทางแนวประชดประชันมากกว่า)ตัวอย่าง เช่น He is a 1 but he’s rich.เขาหน้าตาแค่ 1 เองนะ แต่เขารวยShe is a 10 but replies once every 2-3 days.เธอหน้าตาดีเต็ม 10 แต่เขาตอบเราทุกๆ 2-3 วัน He is a 3 but he’s crazy about meเขาหน้าตาแค่ 3 เองนะ แต่คลั่งไคล้เรามากShe is a 2 but he’s a woman after my own heartเธอหน้าตาแค่ 2 เองนะ แต่เธอเป็นคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกับเราHe is a 5 but he’s high profile.เขาหน้าตาเฉยๆแต่ประวัติเขาดีมากเลย (ประวัติการทำงาน, พื้นฐานครอบครัว) จะเห็นได้ว่า สำนวนภาษาอังกฤษนี้มีความหมายในทั้ง 2 แง่มุมเลย ใครที่กำลังมองหาประโยคภาษาอังกฤษที่สั้นๆ เท่ๆ ก็ลองนำคำนี้ไปใช้พูดกันได้นะครับ สามารถเพิ่มลูกเล่นได้หลายอย่างเลยส่วนกระแสที่เล่นกันของ “Add yours” ใน Instagram ก็เป็นการให้เพื่อนๆ หรือ fellower ลองบอกนิสัย หรือสเปคแบบไหนมาก็ได้ เพื่อให้เราลองให้คะแนน และความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับนิสัยนั้นๆว่าตรงสเปคหรือไม่? ไม่อยากตกกระแส ตาม Social เพราะแค่ไม่รู้คำศัพท์ ไม่เข้าใจความหมายของประโยคภาษาอังกฤษนั้นสามารถมาพูดคุย ปรึกษา หรือเรียนรู้เพิ่มเติมกับ 👉 ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ตลอด 24 ชั่วโมง ที่แอป fellowiefellowie แอปเรียนออนไลน์ตัวต่อตัวกับติวเตอร์ที่เหมาะกับคุณ❌ไม่ผูกมัด❌ไม่ผ่านนายหน้า❌รู้จักติวเตอร์ตั้งแต่ก่อนเรียน❌ปลอดภัย ไม่โดนโกง 100%✅ จ่ายเงินเป็นรายครั้ง✅ เลือกเวลาเรียนได้เองตลอด 24 ชั่วโมง

ภาษาอังกฤษ

·

โพสต์เมื่อ 26 มีนาคม 2565

7 เทคนิคการจำศัพท์ให้ง่ายและเร็ว ฉบับคนไม่ชอบท่องจำ

7 เทคนิคการจำศัพท์ให้ง่ายและเร็ว ฉบับคนไม่ชอบท่องจำ

ทุกคนคงอยากท่องศัพท์ได้ 1000 คํา หรือจำศัพท์ได้เยอะๆ เพราะ จะได้แปลประโยคได้คล่อง ฟังคนอื่นพูดได้เข้าใจ หรือทำข้อสอบได้อย่างไม่ติดขัด แต่ถ้าจะให้มานั่งท่องอย่างเดียว มันก็น่าเบื่อจนไม่อยากจะจำคำศัพท์นี้แล้ว แถมบางครั้ง ดันเป็นคนลืมง่าย ท่องไปแทบตาย ก็ยังลืมอยู่เลยดังนั้นวันนี้ พวกเรา fellowie ได้รวบรวม 7 เทคนิคในการจำศัพท์ให้ง่ายและเร็ว แถมสามารถใช้งานได้จริง พูดได้คล่อง มาให้ทุกคนในบทความนี้แล้ว1. อย่าเอาแต่ท่องศัพท์เพียงอย่างเดียวเมื่อได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่แล้ว ลองฟัง พูด อ่าน เขียน คำที่ถูกต้องของศัพท์นั้นด้วย  เพราะสมองจะเชื่อมโยงทั้งรูปคำ และเสียงของศัพท์นั้นเข้าด้วยกันถ้าท่องจำเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ลืมง่าย ไม่รู้วิธีการออกเสียง หรือวิธีสะกดคำที่ถูกต้อง และไม่มีตัวช่วยอื่นๆ ในจำศัพท์นั้น เช่น เมื่อเห็นคำที่มีการสะกด หรือออกเสียงคล้ายกัน ก็ช่วยให้นึกถึงคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นด้ว2. จัดตารางเวลาในการทบทวนคำศัพท์แบบ Spaced repetitionโดยปกติแล้ว ถ้าเรียนหรือท่องจำอะไรแล้ว ไม่ได้ทบทวน จะทำให้ประสิทธิภาพในการจำนั้นลดลง แต่ถ้าจะให้ทบทวนบ่อยๆ หลายๆคน คงไม่ชอบอย่างแน่นอน เพราะต้องอยู่กับอะไรเดิมๆ ท่องศัพท์เดิมๆ วนไปซ้ำๆ ซึ่งคงรู้สึกเบื่อ และทำให้ขี้เกียจท่องศัพท์ไปเลยงั้นลองมาใช้วิธีการทบทวนศัพท์แบบ Spaced repetition ไม่ต้องทบทวนบ่อย แถมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำศัพท์อีกด้วย โดยหลักการ Spaced repetition คือการทบทวนคำศัพท์เป็นช่วงๆเท่านั้นพอ แบ่งออกเป็น 4 ช่วง คือทบทวนหลังจากเรียน-ท่องศัพท์ “ทันที”ทบทวนหลังจากเรียน-ท่องศัพท์ไปแล้ว “1 วัน”ทบทวนหลังจากเรียน-ท่องศัพท์ไปแล้วภายใน “1 อาทิตย์”ทบทวนหลังจากเรียน-ท่องศัพท์ไปแล้วภายใน “1 เดือน”3. การจำคำศัพท์แบบ Mnemonic Deviceใครที่ไม่ชอบการท่องศัพท์ไปวันๆ เพียงอย่างเดียว วิธีนี้น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะ Mnemonic Device เป็นเทคนิคการจำ โดยอาศัยการเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้จดจำคำศัพท์ไว้ได้นานๆ โดยเทคนิค  Mnemonic Device ที่พวกเรา fellowie รวบรวมมาให้มี 4 วิธี คือ1. การใช้ความเหมือนกับศัพท์ที่รู้อยู่แล้วโดยลองหาสิ่งที่เหมือน หรือคล้ายกันกับคำศัพท์ที่รู้อยู่แล้ว อาจจะมาจากจินตนาการของเราคนเดียว หรือเป็นคำที่มีความหมายคล้ายกัน เสียงคล้ายกัน หรือสะกดคล้ายกันกับศัพท์ที่รู้อยู่แล้วก็ได้ เช่น “ trauma (ทรอ-มะ) แปลว่า บาดแผลทางจิตใจ มีการออกเสียงคล้ายๆกับคำว่า ทรมาน ในภาษาไทย อาจจำว่า เป็นความ ทรมาน ที่เกิดจาก บาดแผลทางจิตใจ ก็ได้” 2. การจำเป็นกลุ่มคำศัพท์ โดยใช้คำคล้องจองในการเชื่อมโยงถ้าท่องจำศัพท์แบบธรรมดา แล้วรู้สึกมันจำยาก ลองเปลี่ยนคำเหล่านั้นให้มีความเชื่อมโยง และคล้องจองกัน ช่วยให้เวลาท่องรู้สึกสนุก และบางครั้งเราก็จำได้เอง เพราะคำมันลื่นไหล และเข้าปาก ไปแล้ว เช่น tell-บอก, ออก-out, cow-แม่วัว, หัว-head3. การจำเป็นกลุ่มคำศัพท์ที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกันอาจจะเป็นกลุ่มคำศัพท์ที่มีลักษณะเดียวกัน ใช้ในบริบท หรือสถานการณ์เดียวกันก็ได้ เช่น วันทั้ง 7 วัน - Sunday, Monday, Tuesday, Wednesday, Thursday, Friday และ Saturdayเดือนทั้ง 12 เดือน - January, February, March, April, May, June, July, August, September, October, November และDecember4. การใช้คำคล้าย-คำตรงข้าม (Synonym-Antonym) หลายคนคงไม่ชอบจำศัพท์เยอะๆ ในครั้งเดียวหรอก เพราะมันจะใช้ความสามารถในการจดจำเยอะมาก แต่ถ้าหากเราจำเป็นกลุ่มคำโดยใช้ เป็นกลุ่มคำที่มีความหมายคล้ายกัน หรือตรงข้ามกัน ก็จะช่วยให้จดจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นด้วย เช่น โศกเศร้า - bereaved, mourn, sadมีความสุข - happy , joyfulหมายเหตุ : คำบางคำมีความหมายเหมือนกัน แต่วิธีการใช้แตกต่างกัน อย่าลืมใช้กันให้ถูกแต่ละบริบทด้วยนะ4. เทคนิคการจำจากรากศัพท์, Prefix และ Suffixถ้าลองสังเกตดีๆ ศัพท์หลายคำ มักมีลักษณะที่คล้ายกัน เช่น คำนำหน้า (Prefix) คำตามหลัง(Suffix) หรือมีรากศัพท์ การจำจาก Prefix, Suffix และรากศัพท์ นอกจากจะช่วยให้เราจัดเป็นชุดคำศัพท์และจำได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้รู้ทิศทางความหมาย หรือชนิดของคำแบบเดียวกันอีกด้วย แม้ว่าจะไม่เคยเจอคำนั้นมาก่อน ตัวอย่าง Prefix เช่น re (ย้อนกลับ, อีกครั้ง)คำที่มี Prefix คำว่า “re” คือ rebuild (สร้างใหม่), remind (เตือนความจำ, ทำให้นึกถึง), return (กลับคืน) และ rewrite (เขียนใหม่) เป็นต้นตัวอย่าง Suffix เช่น fulคำที่มี Suffix คำว่า “ful” คือ joyful (ร่าเริง), successful (สำเร็จ), powerful (มีอำนาจ) และ colorful (มีสีสันสวยงาม) เป็นต้นตัวอย่าง รากศัพท์ เช่น port (ขนส่ง, พกพา)คำที่มีรากศัพท์ คำว่า “port” คือ Import(นำเข้า), Export(ส่งออก), Transport(ขนส่ง) และ Transportation (การขนส่ง) เป็นต้น5. ฝึกจากชีวิตจริงเป็นหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแล้ว ไม่เพียงแต่จำศัพท์ได้ แต่ยังเข้าใจบริบทในการใช้อีกด้วย เนื่องจากเป็นสิ่งที่เราพบเจอจริงๆ และยังได้ทักษะอื่นๆ เพิ่ม ในทีเดียวเลย เช่น การฟัง การพูด หรือการเขียน โดยการฝึกใช้ในชีวิตจริงสามารถทำได้หลากหลายมาก อีกทั้งตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบท่องอย่างเดียวด้วย เพราะ จะได้จำศัพท์ใหม่ผ่านการจำในรูปแบบอื่นๆ เช่น1. ดูหนัง-ซีรี่ย์เป็นภาษาอังกฤษถ้าเลือกไม่ถูกว่าจะดูหนัง หรือซีรี่ย์เรื่องไหนดี ก็เอา “เรื่องที่เราชอบ” นั่นแหละ โดยสำหรับคนพึ่งเริ่มฝึก การฟังพากษ์ภาษาอังกฤษอย่างเดียวเลย จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ และงงมากขึ้นกว่าเดิมอีก ดังนั้น ควรเริ่มจากรอบแรก ดูพากษ์ไทย-ซับไทย (ให้เข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดก่อน)รอบที่ 2 สำหรับคนที่ดูพากษ์ไทย ให้เปิดเป็นพากษ์ภาษาอังกฤษ และเปิด Subtitle ภาษาไทย ไปด้วย(พยายามจำบทหรือคำพูดของตัวละครให้ได้มากที่สุด)รอบที่ 3 เปิดเป็นพากษ์ภาษาอังกฤษ และ Subtitle เป็นภาษาอังกฤษ(แปลความหมายของคำศัพท์ และประโยค โดยนึกถึงบทพูดที่เป็นภาษาไทย และบริบทโดยรวมของเหตุการณ์ขณะนั้น)หมายเหตุ : คำศัพท์บางคำอาจจะใช้ได้ในหลายบริบท หรือเหตุการณ์ ดังนั้น อย่าลืม!!! ดูบริบทหรือเหตุการณ์ การใช้ศัพท์นั้นด้วยถ้าฝึกอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สามารถจำศัพท์ได้อย่างแม่นยำ ทั้งบริบทและรูปแบบการใช้ การสะกด รวมถึงการออกเสียงของคำนั้นด้วย2. ฟังเพลงเป็นภาษาอังกฤษจะคล้ายๆกับ การดูหนัง-ซีรี่ย์เป็นภาษาอังกฤษ เริ่มจากการฟังเพลงที่เราชอบ โดยสำหรับคนพึ่งเริ่มฝึก การฟังเพลงเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ และงงมากขึ้นกว่าเดิมอีก ดังนั้น ควรเริ่มจากรอบแรก การฟังเพลงเป็นภาษาอังกฤษ และเปิด Subtitle ภาษาไทย ไปด้วย(ให้เข้าใจเนื้อเพลงทั้งหมดก่อน)รอบที่ 2 ฟังเพลง และเปลี่ยนเป็น Subtitle ภาษาอังกฤษ(แปลความหมายของคำศัพท์ และประโยค โดยนึกถึงบทพูดที่เป็นภาษาไทย และบริบทโดยรวมของท่อนนั้น)หมายเหตุ : เช่นเดียวกับการดูหนัง-ซีรี่ย์ คำศัพท์บางคำอาจจะใช้ได้ในหลายบริบท หรือเหตุการณ์ ดังนั้น อย่าลืม!!! ดูบริบทการใช้ศัพท์นั้นด้วยยังมีอีกหลายกิจกรรมที่สามารถทำได้เหมือนกันเช่น การฟังข่าว และอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ แต่สำหรับคนพึ่งเริ่มฝึก พวกเรา fellowie ไม่ค่อยแนะนำซักเท่าไหร่ เพราะถ้าไม่เข้าใจคำศัพท์ จะทำให้ไม่เข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดเลย อีกทั้งการดูหนัง-ซีรี่ย์ และการฟังเพลง จะทำให้เราเข้าใจคำศัพท์ได้ง่ายมากกว่า จากการจำเป็นรูปภาพเหตุการณ์ในหนัง หรือ MV เพลงนั้น แถมจะได้ทักษะที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอีกทั้ง การฟัง พูด อ่าน เขียน และการนำไปใช้ ดังนั้นควรเป็นการฝึกสำหรับคนที่จำศัพท์ได้เยอะในระดับหนึ่งแล้ว จะมีประสิทธิภาพมากกว่า3. การเล่นเกมหลายคน อาจสงสัยว่า การเล่นเกมจะช่วยได้จริงๆหรอ? แต่ถ้าลองไปถามคนหลายๆคน ที่เล่นเกมแล้ว จะพบว่า คนส่วนใหญ่จะได้คำศัพท์ต่างๆ มาจากเกมเยอะมาก อีกทั้งเกมในปัจจุบันที่เป็นแบบออนไลน์ทั่วโลก ยิ่งทำให้เราได้ลองฝึกพูด ฝึกคุย และแลกเปลี่ยนคำศัพท์ใหม่กับเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย4. ใช้พูดในชีวิตประจำวันเมื่อเรียนรู้ศัพท์มาใหม่ ก็อย่าลืมลองพูดในชีวิตจริงบ้าง การพูดไทยคำอังกฤษคำ ไม่ใช่สิ่งที่ผิด หรือดูไม่ดี แต่มันส่งผลที่ดีมากให้กับตัวเองด้วยซ้ำ เพราะช่วยให้จำศัพท์นั่นได้ง่ายขึ้น ผ่านการใช้งานจริง6. สร้างภาพจำบางครั้ง ถ้าเรียนรู้ศัพท์ใหม่ โดยจำเป็นคำภาษาอังกฤษ และเปลี่ยนเป็นคำในภาษาไทย และจำวิธีใช้งาน หรือความหมาย ก็ทำให้สมองต้องทำงานหลายขั้นตอนได้ ดังนั้น การสร้างภาพในรูปจะช่วยลดขั้นตอนในการจำได้อย่างดีมาก เช่น คำว่า Doctor (หมอ) ก็ลองนึกภาพของคนที่อยู่ในชุดกาวน์ มีหน้าที่รักษาคนไข้ดู แทนที่จะจำว่า Doctor คือหมอ เมื่อฝึกด้วยวิธีนี้เป็นประจำ จะช่วยให้จำได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงไม่ต้องใช้สมองเพื่อประมวลผลหลายขั้นตอน และสามารถจำเป็น คำศัพท์ภาษาอังกฤษ คำศัพท์ภาษาไทย และวิธีใช้งานคำศัพท์นี้ รวมกันในครั้งเดียว7. การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ต้องใช้เวลาเสมอไม่แปลกหรอกที่ การจำอะไรใหม่ๆ แล้วจะลืมได้ง่ายกว่าเรื่องที่รู้จนชินอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าลืมศัพท์ไหนไป เพียงแค่ทบทวนบ่อยๆ และใช้เทคนิคที่พวกเรา fellowie ยกมาในบทความนี้ จะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม อย่า!! คิดว่าตัวเองไม่เก่ง แล้วล้มเลิกความตั้งใจไป เพียงแค่ลืมศัพท์แค่ไม่กี่คำ พวกเรา fellowie เชื่อว่า ถ้าน้องๆ ตั้งใจฝึกจำศัพท์ และทบทวนอยู่สม่ำเสมอ ยังไง น้องๆทุกคนก็จะเก่งศัพท์ได้แน่นอนคอยากได้เทคนิคมากกว่านี้ อยากได้คำศัพท์เพิ่ม และเรียนรู้เทคนิคการจำศัพท์ผ่านประสบการณ์จริงมาปรึกษา หรือเรียนกับติวเตอร์บน fellowie ได้ที่ 👉 ติวเตอร์ภาษาอังกฤษfellowie แอปเรียนออนไลน์ตัวต่อตัวกับติวเตอร์ที่เหมาะกับคุณ❌ไม่ผูกมัด❌ไม่ผ่านนายหน้า❌รู้จักติวเตอร์ตั้งแต่ก่อนเรียน❌ปลอดภัย ไม่โดนโกง 100%✅ จ่ายเงินเป็นรายครั้ง✅ เลือกเวลาเรียนได้เอง

ภาษาอังกฤษ

·

โพสต์เมื่อ 26 มีนาคม 2565